เปิดร้านเพียงเพื่อปลดหนี้ แต่กลับสืบทอดมาได้ 3 รุ่นแล้ว
กัวกั๋วเก๋อเล่าให้เราฟังว่า ตอนแรกเขาคิดว่าจะกลับมาช่วยทำงานให้กับที่บ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าต้องให้คุณแม่ คือคุณกัวหลี่ฉางเหม่ยที่มีอายุ 94 ปีแล้วมาช่วยทำงาน ในแต่ละวัน คุณแม่จะตระเตรียมส่วนผสมต่างๆ ที่ต้องใช้ ทั้งต้มถั่วแดงและเผือกมาให้เขาใช้ในการขายน้ำแข็งไส อาม่าวัยดึกผู้นี้มีแนวคิดทางธุรกิจอันชาญฉลาดและมีกำลังวังชาที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก อาม่าบอกกับเราว่า “เคยคิดจะเลิกทำงาน แล้วก็ไปเที่ยว แต่ใครจะไปเที่ยวได้ 365 วันตลอดทั้งปี” สู้มาขายน้ำแข็งไสก็ไม่ได้ ให้ความรู้สึกดีกว่าเยอะ และเนื่องจากในชีวิตช่วงแรกค่อนข้างยากจน ในปีค.ศ.1945 กัวหลี่ฉางเหม่ยจึงเปิดร้านขายของที่บ้านของตัวเอง โดยขายทั้งกระดาษเงินกระดาษทอง น้ำมันงา มิโซะ และยังขายเครื่องดื่มเย็นๆ พวกชาดำเย็นและน้ำฟักด้วย
ในปีค.ศ.1982 กัวหลี่ฉางเหม่ยตัดสินใจลงทุนด้วยเงินหลายแสนเพื่อซื้อเครื่องทำไอศกรีม คุณกัวหลี่ฉางเหม่ยซึ่งชอบคิดอะไรใหม่ๆ ก็ได้คิดไอศกรีมแท่งออกมาถึง 16 รส และจนถึงตอนนี้เมื่อมองไปที่กำแพงของร้าน จะมีเมนูให้เลือกกว่า 30 รายการ ซึ่งต่างก็เป็นเมนูที่คุณกัวหลี่ฉางเหม่ยคิดขึ้นเองทั้งนั้น
การสืบทอดของร้านเก่าแก่
ในปีค.ศ.2003 มูลนิธิ Good Neighbor Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยเครือ President Chain Store Corp ที่เป็นผู้บริหารกิจการของ 7-11 ในไต้หวัน ได้สนับสนุนให้ร้านน้ำแข็งไสฉางเหม่ยเข้าร่วมในโครงการ “จากร้านเก่าสู่ยุคใหม่” ที่ให้ความช่วยเหลือร้านเก่าแก่ในการตกแต่งร้านขึ้นใหม่ จนทำให้มีสื่อมวลชนสนใจรายงานข่าวไม่น้อย และทำให้ร้านค้าเก่าแก่แห่งนี้กลายเป็นร้านที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ซึ่งคุณกัวกั๋วเก๋อ เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 ที่เคยเดินทางไปทั่วโลกมาแล้ว ก็ได้พยายามรักษาสูตรและเคล็ดลับของคุณแม่เอาไว้อย่างเต็มที่ หากแต่ความทันสมัยทำให้การทำไอศกรีมแท่งถูกเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแบบกึ่งอัตโนมัติ เช่น การเติมวัตถุดิบ และการดึงไอศกรีมออกมา ต่างก็ใช้เครื่องจักรในการทำ กัวกั๋วเก๋อเล่าว่า “ที่ผ่านมา คุณแม่ต้องใช้มือทั้งสองข้างมายกถังน้ำแข็งเอง เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ก็ทำให้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่ต้องออกแรงเยอะมากบิดเบี้ยวจนผิดรูปไป กัวเหรินหาว (郭人豪) ลูกชายของผม ก็เลยออกแบบง่ายๆ ด้วยการติดตั้งมือจับเอาไว้ ทำให้ทั้งสะดวกและทำงานง่ายขึ้น”
ในปี ค.ศ.2009 ซึ่งกัวเหรินหาวสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งไถหนาน เกิดเหตุพายุไต้ฝุ่นมรกตพัดผ่าน ทำให้ฉีซานเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จนน้ำท่วมถึงเข่า เจ้าตัวที่เรียนมาด้านการถ่ายทำสารคดีเล่าให้เราฟังว่า “สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในหัว ไม่ใช่การขนของหนีน้ำ แต่เป็นการจับกล้องถ่ายรูปมาบันทึกเรื่องราวต่างๆ เอาไว้” และเนื่องจากร้านสาขาซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์ฉีซานได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ทางบ้านจึงต้องการความช่วยเหลือ กัวเหรินหาวจึงตัดสินใจมาดูแลร้านที่นี่ ซึ่งเขากับพี่สาว คือ กัวอี๋หลิง ได้นำเอาภาพลักษณ์ความเป็นน้ำแข็งไสแบบของอาม่ามาใส่องค์ประกอบใหม่ๆ เข้าไป เพื่อออกแบบตกแต่งร้านขึ้นใหม่ ทำให้การมานั่งชิมน้ำแข็งไสที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ของชนบท ให้ความรู้สึกราวกับว่า เวลาได้ถูกหยุดอยู่เพียงแค่ ณ ขณะนี้เท่านั้น