รถไฟความเร็วสูงและรถไฟธรรมดามีทิวทัศน์ให้ชมจากเหนือจรดใต้ ซึ่งแตกต่างจากรถไฟฟ้า MRT ที่วิ่งให้บริการอย่างรวดเร็วเพื่ออำนวยความสะดวกสบายอยู่ภายในเมืองหลวง เพียงไม่นานผู้โดยสารก็สามารถเดินทางจากหงเหมาเฉิง (紅毛城: Fort San Domigo) ซึ่งเป็นโบราณสถานในเขตตั้นสุ่ย มาสู่ความคึกคักของย่านการค้าฝั่งตะวันออกและอาคารไทเป 101 หรือจากกระเช้าเมาคง (貓空: Maokong Gondola) ที่เป็นแหล่งปลูกชามาถึงตั้นสุ่ยที่เป็นทางออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นการเดินทางระหว่างภูเขาถึงทะเล และจากความเก่าแก่สู่ความทันสมัย ที่เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างลงตัว
คุณหยางจื๋อเป่า (楊子葆) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน สาธารณรัฐจีน กล่าวว่า ìตำนานความเป็นมาของแต่ละเมืองล้วนเกิดขึ้นพร้อมกับรถไฟใต้ดินî ความคึกคักและพลุกพล่านของผู้คนที่โดยสารรถไฟใต้ดินเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว และทำให้เกิดความมหัศจรรย์ของสิ่งที่มาจากพื้นที่ต่างๆ เกิดขึ้นที่นี่
คุณหยางจื๋อเป่านึกย้อนกลับไปสมัยที่เคยทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่รถไฟฟ้าปารีส (RATP) ทุกปีจะมีการจัดงานตามประเพณีแบบดั้งเดิม เขากล่าวว่า ทุกๆ เที่ยงคืนของวันที่ 31 มีนาคม ทุกคนจะรอเลิกงานพร้อมกัน พวกวิศวกรหนุ่มๆ จะทำการเปลี่ยนรถไฟใต้ดินให้เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ ด้วยการสลับเปลี่ยนป้ายชื่อของสถานีต่างๆ และในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็จะนั่งรอและแฝงตัวอยู่ในบริเวณชานชาลา เพื่อแอบดูอาการสีหน้าที่สับสนและตื่นตระหนกของผู้โดยสาร ซึ่งคิดว่าตัวเองนั่งผิดสถานี ถือเป็นความสุขจากการที่ตนเองได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับผู้โดยสารในวันโกหกโลก หรือ April Fool's Day นั่นเอง
แม้ว่าเหล่าวิศวกรหนุ่มๆ จะสนุกสนานกับกิจกรรมดังกล่าว แต่ในสายตาของรุ่นพี่แล้วกลับรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก เพราะตั้งแต่ปีค.ศ.1996 เป็นต้นมา สถานีรถไฟใต้ดินของกรุงปารีสก็ได้เริ่มมีการติดตั้งงานศิลปะสาธารณะ จนทำให้ป้ายสถานีไม่ได้เป็นสิ่งที่ผู้โดยสารใช้ตัดสินว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้วเสมอไป
ศิลปะสาธารณะที่เป็นรูปธรรม
แทรกซึมอยู่ในจิตวิญญาณ
สไตล์ที่แตกต่างของศิลปะสาธารณะกับทิวทัศน์นอกหน้าต่าง กลายเป็นพิกัดทางวัฒนธรรมที่ผู้โดยสารใช้แยกแยะสถานีต่างๆ รถไฟฟ้าไทเปเปิดให้บริการมาถึงวันนี้เป็นเวลานานถึง 20 ปีแล้ว มีทั้งสายสีน้ำตาล สีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีน้ำเงิน ที่เชื่อมต่อถึงกันเป็นเครือข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างกรุงไทเปและนครนิวไทเป ซึ่งแต่ละสายต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ผลงานศิลปะสาธารณะของรถไฟฟ้าไทเปที่ดึงดูดคนได้มากที่สุดคือ สถานีไทเป 101/เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (Taipei 101 / World Trade Center Station) กับผลงานชุด ìช่วงเวลาที่เราพบกัน The Moment We Meetî
คุณหวงซินเจี้ยน (黃心健) จิตรกรรุ่นใหม่ได้ออกแบบบล็อกขนาด 10x10 เมทริกซ์ รวมทั้งหมด 100 ชิ้น โดยนำกลไกของการเปลี่ยนตารางเวลารถไฟในสมัยก่อนมาติดตั้งเพื่อใช้พลิกบอร์ด ทุกครั้งที่ทำการพลิกบอร์ดจะมองเห็นคนที่มีสถานะ อายุ เพศ และใบหน้าของผู้คนในเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายทั้งหมดจะรวมกันออกมาเป็นภาพใบหน้าคนขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกให้กับผู้คนที่พบเห็นในช่วงเวลานั้น ผลงานได้เขียนคำอธิบายไว้ว่า ìการเดินทางของผู้โดยสาร ก็เหมือนการพลิกหน้าหนังสือ ซึ่งก่อให้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้นในจิตใจของมนุษย์ได้อย่างไม่มีสิ้นสุด และเป็นเรื่องราวที่ได้พบในไต้หวันî
เมื่อผลงานขยับก็จะมีผู้โดยสารให้ความสนใจมายืนชมอยู่ข้างหน้า เพื่อรอดูใบหน้าใหม่ที่จะปรากฏขึ้นมา เหมือนเป็นการเตือนให้พวกเขาย้อนรำลึกถึงวินาทีที่ได้พบหน้ากับผู้อื่น
บนเส้นทางสายเดียวกันที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีไปถึงยังจุดหมาย กับสวนสาธารณะต้าอัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่า ìปอดแห่งเมืองหลวงî
บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสวนสาธารณะต้าอัน (大安站森林公園 : Daan Park Station) มีผลงานศิลปะสาธารณะชื่อ ìก้าวแห่งชีวิตธรรมชาติที่สวนต้าอัน หรือ Green Life in Daan Parkî ซึ่งประกอบด้วย ìดอกไม้แห่งต้าอันî ìนักเดินทางแห่งฤดูใบไม้ร่วงî ìแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิî และ ì4 ฤดูî ซึ่งต่างก็แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตแห่งธรรมชาติในแบบดั้งเดิม โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลศิลปะสาธารณะครั้งที่ 5 ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม
สถานีเจี้ยนถัน (劍潭站 : Jiantan Station) เคยได้รับรางวัลพิเศษของนิตยสารสถาปัตยกรรม จากการนำเทคนิคออกแบบที่ทันสมัยมาสร้างเป็นรูปเรือมังกร (dragon boat) ที่ดูแล้วเหมือนกับเป็นสะพานแขวน จนทำให้คนย้อนนึกกลับไปถึงสะพานแขวนอันเก่าแก่ของซื่อหลิน (士林吊橋) ในอดีต และด้วยลักษณะพิเศษนี้จึงทำให้เมื่อปีที่แล้วได้รับเลือกให้ติด 1 ใน 10 อันดับสถานีรถไฟฟ้าสุดเท่ของโลกจากเว็บไซต์ Thrillist ของสหรัฐฯ
ระยะห่างสั้นๆ ระหว่างสถานี
เป็นตัวแปรให้เกิดประวัติศาสตร์อันยาวนาน
การสำรวจศิลปะสาธารณะบริเวณรถไฟฟ้าก็เหมือนกับความสุขที่เราได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ระหว่างทางจากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง ทำให้เรามีโอกาสท่องเที่ยวในเขตต่างๆ ของกรุงไทเป นักเขียนอิสระนามว่า สุ่ยผิงจื่อ (水瓶子) ผู้ที่เคยได้รับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ก็ชื่นชอบการโดยสารรถไฟฟ้าด้วยเหตุผลด้านความสะดวกสบาย
สุ่ยผิงจื่อ คลุกคลีอยู่กับการเป็นไกด์นำเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมาเป็นระยะยาวนาน ซึ่งข้อดีของการโดยสารรถไฟฟ้าถูกนำมาใช้เป็นประเด็นหลักสำหรับวางแผนการเดินทาง โดยนำเอาแผนที่การเดินทางในอดีตกับปัจจุบันมาเปรียบเทียบกัน รวมถึงเตรียมความพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดตามมาในอนาคต การหลงใหลอยู่กับความทรงจำในอดีตคือความรู้สึกของสุ่ยผิงจื่อ สมัยเด็กๆ ที่เขาเล่นสนุกอยู่ในเขตซิ่นอี้ (信義區) ได้อย่างอิสระ หลังจากฝนหยุดตก แผ่นไม้ที่ถูกพายอยู่เหนือน้ำถือเป็นฉากหนึ่ง ส่วนอีกฉากหนึ่งก็คือภาพที่เขาหลอกให้แมวกระโดดไปจับปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ แต่ปัจจุบันภาพทั้งหมดถูกแทนด้วยสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัย ดังนั้นเขาจึงมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความทรงจำของภาพประวัติศาสตร์เหล่านี้ ด้วยการแนะนำบ้านโบราณ ร้านเก่าแก่ และอาหารพื้นเมืองให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ด้วยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่สาบสูญไปจากการดำเนินชีวิตประจำวัน
การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองด้วยรถไฟฟ้าไปยังที่ต่างๆ ไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง แต่นั่นคือประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เท้าของเขาที่ก้าวเดินไปตามเมืองต่างๆ และมีบ่อยครั้งที่การเดินทางนั้นไร้จุดหมาย เพื่อแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้บรรยากาศที่คุ้นเคย ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ในกรุงไทเป เขาก็มักจะโดยสารรถไฟฟ้าไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เมื่อไปถึงก็จะเริ่มสำรวจสภาพของถนน ตรอก ซอกซอยต่างๆ แล้วใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ยกตัวอย่าง ìสถานีหมินเฉวียนซีลู่î (民權西路站: Minquan West Road Station) ที่อดีตเชื่อมต่อกับถนนชื่อสื่อเจียเต้า (敕使街道: Chokushi Kaido) ซึ่งปัจจุบันคือถนนจงซันเป่ยลู่ (中山北路) นั้น มีความเป็นมาตั้งแต่ยุคสมัยญี่ปุ่นยึดครองไต้หวัน จนถึงช่วงที่สหรัฐอเมริกาให้การช่วยเหลือไต้หวัน และชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวันเพิ่มมากขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างความคึกคักให้กับถนนจงซันเป่ยลู่ จนถูกเรียกว่าเป็น ìถนนแห่งการทูตî และเมื่อไต้หวันตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ถนนสายนี้ก็กลายเป็นแหล่งชุมนุมของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำมาซึ่งภาพอันแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง อีกชื่อหนึ่งของถนนจงซันเป่ยลู่คือ ìถนนเวดดิ้งสตูดิโอî เพราะมีร้านถ่ายภาพและสินค้าเกี่ยวกับงานแต่งงานตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก มีต้นไม้อย่างเมเปิลหอมและต้นการบูรขึ้นสูงตระหง่านตลอดสองข้างทาง เติมเต็มบรรยากาศของความแตกต่างทางชาติพันธุ์และเพิ่มสีสันของความสุขให้กับถนนจงซันเป่ยลู่สายนี้
อุปกรณ์ใหม่ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเก่าๆ
ชมทิวทัศน์สวยงามของภูเขาและทะเล
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสำหรับสุ่ยผิงจื่อก็คล้ายกับการนั่งไทม์แมชชีน ที่มียานพาหนะที่ทันสมัยอย่างรถไฟฟ้าพาย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งความทรงจำเก่าๆ ในประวัติศาสตร์ รถไฟฟ้าสายตั้นสุ่ย-ซิ่นอี้ (淡水信義線: Tamsui-Xinyi Line) เป็นสายที่สุ่ยผิงจื่อชื่นชอบมากที่สุด เพราะนั่งทีไร เขาก็จะนึกย้อนกลับไปถึงภาพของเส้นทางรถไฟในอดีตที่ผ่านมาทุกทีไป
จากสถานีรถไฟฟ้าเดินไปจนถึงบริเวณหลังมหาวิทยาลัยตรงซอยที่ 41 บนถนนฝู่ซุ่นเจีย (撫順街) แล้วหันมองรถไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากอุโมงค์ใต้ดิน ช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังจะเหาะขึ้นไปบนฟ้า
สุ่ยผิงจื่อได้ทำ ìคู่มือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงî ซึ่งเป็นการแชร์แผนที่การเดินทางในรูปแบบของเขา นอกจากสายสีแดงแล้ว สุ่ยผิงจื่อยังชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลหรือสายเหวินหู (文湖線: Wenhu Line) ด้วย
รถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่ใต้ดินที่มองไม่เห็น แต่สายเหวินหูกลับก่อสร้างเป็นแบบลอยฟ้า โดยมีเพียงระยะทางระหว่างสถานีต้าจื๋อ (大直站) ถึงสถานีสนามบินซงซาน (松山機場站) เท่านั้นที่วิ่งลงใต้ดิน ซึ่งสายนี้นอกจากจะใช้ในการเดินทางไปยังสวนสัตว์ได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับกระเช้าลอยฟ้าได้อีกด้วย และก่อนที่รถไฟฟ้ากำลังจะลงสู่ใต้ดินที่สถานีสนามบินซงซาน เราสามารถมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมภาพเครื่องบินขึ้นลง และหากนั่งผ่านสวนสาธารณะต้าหู (大湖公園) ก็จะได้ชมความงดงามของสะพานจิ่นไต้เฉียว (錦帶橋: The Kintai Bridge) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
5 สายหลักกับ 2 สายย่อยที่ประกอบรวมกันเป็นรถไฟฟ้าไทเป กลายเป็นแผนการเดินทางท่องเที่ยวที่จะทำให้รู้จักไทเปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่คุณหยางจื๋อเป่าอยากแนะนำให้กับแขกผู้มาเยือนและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเส้นทางจากเหนือจรดใต้ของไทเปที่มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.2 กิโลเมตรของรถไฟฟ้าสายตั้นสุ่ย-ซิ่นอี้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เขาชอบโดยสารมากที่สุดเช่นกัน
เมื่อออกเดินทางจากสถานีไทเป รถไฟฟ้าจะวิ่งอยู่บริเวณใต้ดินไปจนกระทั่งพ้นจากสถานีหมินเฉวียนซีลู่ จึงเปลี่ยนเป็นรางรถไฟลอยฟ้าที่มองเห็นวิวของแม่น้ำจีหลงกับแม่น้ำตั้นสุ่ย และเมื่อผ่านสถานีกวนตู้ (關渡站: Guandu Station) ไปแล้ว แม่น้ำตั้นสุ่ยก็จะไหลลงสู่ทะเล มองออกไปไกลอีกหน่อย จะเห็นภูเขากวนอินซาน (觀音山) และทิวทัศน์ของท้องทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งช่วยให้จิตใจได้รับการผ่อนคลาย แต่ถ้าหากต้องการพักผ่อน คุณหยางจื๋อเป่าก็อยากแนะนำสายเหวินหูด้วย เพราะสายนี้เป็นรางรถไฟฟ้าลอยฟ้าที่วิ่งระหว่างใจกลางตึกสูง ดังนั้นผู้โดยสารจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นภาพของชิงช้าสวรรค์ยักษ์บริเวณต้าจื๋อ สนามบินซงซานกรุงไทเป และอาคารไทเป 101 เป็นต้น
เมื่อพลิกไปดูประวัติศาสตร์หรือการถือกำเนิดขึ้นของรถไฟฟ้าบนโลกใบนี้ จริงๆ แล้ว มันมาจากภาพประกอบการ์ตูน ในตอนนั้น อังกฤษประสบกับปัญหารถติดอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการประชดประชันเสียดสีสถานการณ์รถติดในตอนนั้น นักวาดภาพการ์ตูนชาวอังกฤษจึงได้วาดภาพที่แสดงถึงการหนีขบวนรถติดโดยการกดปุ่ม เมื่อกดปุ่มแล้ว รถก็จะพุ่งบินออกไป ผ่านถนนหนทางต่างๆ ไปถึงจุดหมายในที่สุด
หลายคนที่เห็นภาพการ์ตูนดังกล่าวต่างพากันหัวเราะกับมุขตลกของภาพที่แปลกตาและเกินจริง แต่ในที่สุดกลุ่มวิศวกรก็นำเอาจินตนาการดังกล่าวมาสร้างเป็นความจริง ด้วยการสร้างรถไฟที่มีทั้งแบบลอยฟ้าและแบบใต้ดิน กลายเป็นความสำเร็จของระบบขนส่งมวลชน การนำเอาภาพในจินตนาการออกมาโลดแล่นอยู่ในปัจจุบัน จนวันนี้กลายเป็นอีกหนึ่งภาพในความทรงจำของหยางจื๋อเป่า และทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้ากลายเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในการดำเนินชีวิตของเขาด้วย
ìถ้ารถไฟความเร็วสูงช่วยเติมเต็มความฝัน ระยะทางระหว่างรถไฟฟ้าก็ช่วยทำให้คนกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงî เพราะรถไฟฟ้าจะใช้เวลาจอดรับส่งผู้โดยสารแต่ละสถานีไม่เกิน 3 นาทีเท่านั้น ทำให้ทุกคนต้องรีบเร่งและไม่มีเวลาว่างมานั่งฝัน คนที่กำลังเตรียมตัวจะงีบ อาจจะต้องลงจากรถเมื่อไรก็ได้ เพื่อกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริง
การเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า
เปรียบเสมือนงานเลี้ยงเคลื่อนที่
งานเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อาทิ ìโลกแห่งความคลาสสิกของการก่อสร้างรถไฟฟ้าî ìจิ๊กซอว์ศิลปะสาธารณะแห่งรถไฟฟ้าî และ ìงานศิลป์ใกล้สถานี: ศิลปะสาธารณะที่รถไฟฟ้าî ล้วนเป็นผลงานของคุณหยางจื๋อเป่า ดังนั้น เมื่อเขาพูดถึงเรื่องรถไฟฟ้าก็เหมือนมีบางอย่างจุดความเป็นวิศวกรที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณของเขาให้ตื่นขึ้นมา ซึ่งแตกต่างจากสำนวนงานเขียนที่ร้อยเรียงด้วยถ้อยคำอันสละสลวยอย่างสิ้นเชิง
เขากล่าวว่า รถไฟฟ้าคือเป้าหมายของการขนส่งสาธารณะที่มีศักยภาพสูงสุด เพราะทำให้ทุกคนเดินทางไปถึงยังจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ผู้โดยสารทุกคนต่างเร่งรีบที่จะไปให้ถึงจุดหมาย โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดฝีเท้าเพื่อซึมซับความรู้สึกของบรรยากาศโดยรอบ หยางจื๋อเป่ากล่าวว่า พวกเราควรพัฒนาความรู้สึกจากการใช้งานยานพาหนะ มาเป็นความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับยานพาหนะ เพื่อสัมผัสถึงความแตกต่างในแต่ละจังหวะที่ยานพาหนะกำลังเร่งหรือลดความเร็ว
เป็นความรู้สึกที่พ้องกับคำพูดของกวีชาวฝรั่งเศสนามชาร์ลส์ โบดแลร์ (Charles Baudelaire) ที่ว่า ìภูมิทัศน์ของเมืองเปลี่ยนแปลงไปไวกว่าจิตใจของมนุษย์î เขาจึงแนะนำว่า พวกเราควรเปิดประสาททั้งหมดของร่างกายให้สัมผัสถึงอรรถรสของสิ่งที่เกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การทำงานอย่างต่อเนื่องของรถไฟฟ้าและสถานีต่างๆ ทำให้เราประสบพบเจอเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา การใช้ประโยชน์จากยานพาหนะรูปแบบใหม่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรในตัวเมืองเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีแกลเลอรีสำหรับงานศิลปะสาธารณะแทรกซึมอยู่ตามจุดต่างๆ เป็นการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนบรรยากาศจากภูเขาไปเป็นทะเล และสานต่อถึงกันเหมือนกับเป็นงานเลี้ยงเคลื่อนที่ ที่ต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ และทำให้ทุกคนได้มีโอกาสสร้างประสบการณ์และเรื่องเล่าของเมืองในรูปแบบของตนเองภายในเวลาสั้นๆ ที่โดยสารรถไฟฟ้านี้